วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

กฎหมายของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์


กฎหมายของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์

ทนายคลายทุกข์ขอเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับผู้ขับขี่รถจักรยายนต์จะต้องสวมหมวกนิรภัยและต้องได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้รวมทั้งผู้ที่ซ้อนท้ายจะต้องสวมหมวกนิรภัยด้วยเช่นกัน หากฝ่าฝืนทั้งผู้ขับขี่และคนซ้อนอาจถูกปรับตาม พ.ร.บ.จราจรจรทางบก พ.ศ.2522  แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 7 พ.ศ. 2550
( แ  ตัวบทกฎหมงอิงายอ้า

มาตรา  122  ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และคนโดยสารรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกที่จัดทำ             ขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์

ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามวรรคหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ในขณะที่คนโดยสารรถจักรยานยนต์มิได้สวมหมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตราย

ลักษณะและวิธีการใช้หมวกเพื่อป้องกันอันตรายตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช หรือผู้นับถือลัทธิศาสนาอื่นที่ใช้ผ้าหรือสิ่งอื่นโพกศีรษะตามประเพณีนิยมนั้น หรือบุคคลใดที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา  148  ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 6 วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง มาตรา 8 วรรคหนึ่ง มาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง มาตรา 20 มาตรา 36 มาตรา 36 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 44 มาตรา 51 มาตรา 54 มาตรา 55 วรรคหนึ่ง มาตรา 57 มาตรา 58 มาตรา 60 มาตรา 62 มาตรา 63 มาตรา 68 มาตรา 69 มาตรา 70 มาตรา 71 มาตรา 73 วรรคสอง มาตรา 74 มาตรา 76 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 87 มาตรา 88 มาตรา 96 วรรคหนึ่ง มาตรา 97 มาตรา 101 มาตรา ๑๐๗ มาตรา 108 มาตรา 109 มาตรา 110 มาตรา 111 มาตรา 112 มาตรา 114 วรรคหนึ่ง มาตรา 118 มาตรา 119 มาตรา 120 มาตรา 121 มาตรา 122 วรรคหนึ่งหรือวรรคสามมาตรา 123 มาตรา 124 มาตรา 126 มาตรา 129 หรือมาตรา 133 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

ถ้าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์กระทำความผิดตามมาตรา 122 วรรคสอง ผู้กระทำต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง

เนื้อหาข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ซ้อนท้าย จยย.รับจ้างต้องสวมหมวกกันน็อก

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รับผิดชอบงานจราจร เปิดเผยภายหลังประชุมบริหารงานจราจรประจำเดือน ม.ค. 2551 วานนี้ ว่า ได้แจ้งข้อมูลการแก้ไขพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งได้ประกาศมีผลบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา มาตรา 122 กำหนดให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้โดยสารต้องสวม หมวกนิรภัย เพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์

ซึ่งหากมีการฝ่าฝืน จะต้องโทษปรับไม่เกิน 500 บาท โดยห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขับขี่รถในขณะที่คนโดยสารรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย หากฝ่าฝืนถ้าผู้ขับขี่จักรยานยนต์จะถูกปรับเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนด เช่น คนขับรถไม่สวมหมวก บรรทุกคนโดยสารที่ไม่สวมหมวก จะถูกจับเป็นความผิด 2 ข้อหา คือ การไม่สวมหมวกเฉพาะตัวเอง มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และอีกข้อหาคือออกรถโดยที่คนโดยสารไม่ สวมหมวกถูกปรับเป็น 2 เท่าจากที่ตนเองไม่สวมหมวก ซึ่งได้แจ้งให้ฝ่ายจราจรของ สน.ต่าง ๆ ดำเนินการกวดขันผู้ขับขี่ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์รับจ้างซึ่งให้บริการผู้โดยสารแต่ละวันจำนวนมาก

พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้กำชับให้กวดขันรถจักรยานยนต์ในความผิดข้อหาหลักที่เกี่ยวกับความปลอดภัยและข้อหาที่เป็นปัญหาการจราจร อีก 6 ข้อหาคือ 1.ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสวมหมวกนิรภัยที่ไม่ได้มาตรฐานตามกฎกระทรวงกำหนด 2.ขับรถจักรยานยนต์ไม่ใกล้ขอบทางด้านซ้าย 3.อุปกรณ์ส่วนควบไม่สมบูรณ์ 4.ขับขี่จักรยานยนต์ฝ่าฝืนทิศทางการเดินรถ (ย้อนศร) 5.บรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (ซ้อนสาม)

6.ไม่หยุดรถหลังเส้นให้หยุดเมื่อได้รับสัญญาณไฟสีแดง (ฝ่าไฟแดง) ทั้งนี้จากสถิติปี 2549 มีรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพฯ รวมกว่า 2 ล้านคัน ไม่รวมรถจักรยานยนต์ต่างจังหวัดที่นำเข้ามาวิ่ง และสถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรในเขตกรุงเทพฯ ปี 2549 รับแจ้ง 50,571 ครั้ง มีคู่กรณีเป็นรถจักรยานยนต์ 26,071 ราย หรือคิดเป็นกว่า ร้อยละ 30 และ จากสถิติการเสียชีวิต 665 คนเป็นผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ถึงร้อยละ 60.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น